แถลงข่าวจับกุม

สืบตม.2ขยายผลจับขบวนการทำVISA U.S.A. ปลอม!และรวบ2แรงไทยลักลอบขนยาไอซ์กว่า8.140กิโลออกนอกประเทศ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบโดยต่อประเทศไทยในหลายมิติพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีจึงได้มีการประกาศพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548เพื่อการบริการจัดการสถานการณ์ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลอย่างสูงสุดและพล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุขผบ.ตร. และพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์กิตติประภัสร์รองผบ.ตร. มอบหมายให้สตม. โดยพล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวงผบช.สตม. ดำเนินการกำกับดูแลและควบคุมในส่วนของการเดินทางกลับเข้าในราชอาณาจักรของคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและดำเนินการสืบสวนจับกุมการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขายเกินราคาเช่นหน้ากากอนามัยเป็นต้นซึ่งอาจจะมีชาวต่างชาติเป็นผู้ลงทุนอยู่เบื้องหลัง

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยพล.ต.ท.สมพงษ์ชิงดวงผบช.สตม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สิทธิชัยโล่กันภัยรองผบช.สตม. ,พล.ต.ต.อาชยนไกรทองรองผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ศิลปคมณ์เอี่ยมวงศ์รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.วีรพลเจริญศิริผบก.ตม.2และพ.ต.อ.รุ่งศักดิ์  แสงเสียงฟ้ารองผบก.ตม.2ได้สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและกวดขันจับกุมการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ,พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯอย่างต่อเนื่องรวมถึงการกระทำความผิดกรณีมีการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขายเกินราคาซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมาพล.ต.ต.วีรพลเจริญศิริผบก.ตม.2ได้รับรายงานจากพ.ต.อ.ชัยธนันท์จิรปิยเศรษฐ์ผกก.กก.สส.ปป.

บก.ตม.2ว่ากองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2และงานสืบสวนในส่วนของตม.ทอ.ในสังกัดบก.ตม.2มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆกล่าวคือ

  1. สืบตม.2ขบวนการทำVISA U.S.A. ปลอมกล่าวคือจากกรณีการจับกุม2คนไทยใช้VISA U.S.A. ปลอมเดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่17ก.ย.2563เป็นต้นมากองกำกับสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2ได้สืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องกระทั่งได้จับกุมชายไทยซึ่งเดินทางกลับมาจากจากประเทศปานามาทราบภายหลังว่าไม่สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาได้สืบเนื่องจากได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สายการบินกาตาร์แอร์เวย์กรณีมีชายไทยได้มาขออกบัตรที่นั่งโดยสารเดินทางไปยังเมืองโดฮาประเทศกาตาร์โดยมีปลายทางคือประเทศสหรัฐอเมริกาโดยภายในเล่มหนังสือเดินทางมีVISA U.S.A. ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างไปจากของจริงจึงได้บันทึกภาพพร้อมประสานข้อมูลมายังกองกำกับสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2ซึ่งได้ทำการสืบสวนขยายผลอันนำมาซึ่งการจับกุมชายไทยรายนี้ซึ่งได้ให้การรับสารภาพและนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ      เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและในเวลาต่อมากองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลร่วมกับกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง5จนสามารถขออนุมัติหมายจับโดยล่าสุด21ธ.ค.2563ได้ดำเนินการจับกุมหญิงไทยผู้ร่วมขบวนการทำVISA USA ปลอมและนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งนี้กองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีได้ไปติดต่อผู้แทนหรือAGENT เพื่อทำVISA USA ที่จังหวัดเชียงรายแล้วไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้มาชี้ตัวและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป
  2. สืบตม.2ร่วมนปส.กก.1บก.ปส.3ร่วมจับ2แรงงานไทยลักลอบขนยาไอซ์กว่า8.140กิโลกรัมและจับกุมชาวไนจีเรียหวังนำเข้าโคคาอีนกว่า606กรัมคาสุวรรณภูมิกล่าวคือตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาในระดับสำนักตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการปฏิบัติระหว่างกันเพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆรวมถึงกลุ่มบุคคลหรือขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆที่จะเข้ามาดำเนินการสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศได้ทั้งนี้ผลการปฏิบัติที่ผ่านมาอันเป็นผลมาจากการบูรณาการปฏิบัติด้านการข่าวระหว่างกองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง2สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกองกำกับการ1 (นปส.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานความมั่นคงต่างๆประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิภายใต้การปฏิบัติการAITF ในการลักลอบนำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษและจากการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องได้ดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษโดยปรากฏผลดังนี้

 2.1ได้ดำเนินการจับกุมชายไทยซึ่งคาดว่าเป็นแรงงานจะเดินทางไปยังประเทศอิสราเอลได้ลักลอบขน     ยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่1 (Methamphetamine) บรรจุในซองเกลือแร่ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางน้ำหนักกว่า4.1กิโลกรัมโดยเชื่อว่าผู้ถูกจับกุมอาจจะนำไปจำหน่ายที่ประเทศอิสราเอลจึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “พยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 2.2ได้ดำเนินการจับกุมชายชาวไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่2 (โคคาอีน) กล่าวคือชายชาวไนจีเรียรายดังกล่าวได้มาแสดงตัวขอรับพัสดุที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งภายในพัสดุเป็นกลองซึ่งได้บรรจุยาเสพติดให้โทษประเภทที่2 (โคคาอีน) ซุกซ่อนอยู่ในโครงขอบด้านล่างของกล่องโดยพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากประเทศจิบูตี (Djibouti) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวชายชาวไนจีเรียรายดังกล่าวและได้วางแผนเพื่อสืบสวนขยายผลไปยังที่พักและพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่2 (โคคาอีน) ซึ่งบรรจุซุกซ่อนอยู่ภายในกลองซึ่งมีลักษณะของพฤติการณ์กระทำความผิดเดียวกันจึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “นำยาเสพติดให้โทษประเภทที่2 (โคคาอีน) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและมียาเสพติดให้โทษประเภทที่2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 2.3ได้ดำเนินการจับกุมชายไทยซึ่งคาดว่าเป็นแรงงานได้ได้ตรวจพบชายสัญชาติไทยซึ่งเป็นแรงงานจะเดินทางไปยังประเทศอิสราเอลได้ลักลอบขนยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่1 (Methamphetamine) บรรจุในซองเกลือแร่ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางน้ำหนักกว่า4.04กิโลกรัมโดยเชื่อว่าผู้ถูกจับกุมอาจจะนำไปจำหน่ายที่ประเทศอิสราเอลจึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “พยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและมียาเสพติดให้โทษประเภท1

(ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปดังนั้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมิจฉาชีพที่มักจะแอบอ้างว่าสามรถดำเนินจัดทำวีซ่าให้ได้โดยง่ายและอ้างว่ารู้จักเจ้าหน้าที่และสามารถอำนวยความ

สะดวกในการทำวีซ่าประเทศต่างๆได้ทั้งนี้ให้ประชาชนติดต่อประสานงานการทำวีซ่าหรือติดต่อสอบถามรายละเอียดกับสถานทูตของประเทศนั้นๆโดยตรง  อีกทั้งขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังแรงงานไทยที่จะเดินทางไปขายแรงงานยังต่างประเทศว่าอย่าหลงเชื่อบุคคลหากมีการฝากสิ่งของของไปยังประเทศที่ไปค้าแรงงานโดยอย่ารับฝากเพื่อสวัสดิภาพของตนเองทั้งนี้หากพบการกระทำความผิดแล้วอาจะต้องรับโทษถึงจำคุกได้

อนึ่งหากพบคนต่างด้าวมีท่าทีพิรุธอาจจะเข้ามากระทำผิดกฎหมายหรืออาจจะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการขายสินค้าอุปโภคบริโภคเกินราคาหรือจำหน่ายสินค้าควบคุมเกินราคากลางที่กฎหมายกำหนดซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) สามารถ

แจ้งหรือสอบถามผ่านสายด่วน1178 หรือกก.สส.ปป.บก.ตม.2 หมายเลขโทรศัพท์02-134-0303 ตลอด24 ชั่วโมง

Visitors: 118,686